เรียนภาษาอังกฤษ ‘ต้องเรียนหู อย่าเรียนด้วยตา’
สำหรับคนไทยแล้วสิ่งสำคัญที่สุดที่เป็นเหมือนกำแพงกั้นเรากับภาษาอังกฤษนั้น คงหนีไม่พ้น ‘ความขี้อาย’ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำหรับการเรียนภาษาอังกฤษของคนไทย เพราะฉะนั้นถ้าเราจะเรียนภาษาให้ได้ผล เราต้องเริ่มทำลายกำแพงนี้ลง เปิดเผย ‘ความกล้าแสดงออก’ ให้ได้ออกมาเผยโฉมออกมา เพระาถ้าคุณมัวแต่อายไม่กล้าที่จะพูดที่จะใช้ภาษาอังกฤษแล้ว ถึงคุณจะเรียนภาษาอังกฤษนานเท่าไรก็ไม่สามารถที่จะพูดภาษาอังกฤษได้เลย
สิ่งที่คนไทยส่วนมากกังวลในการพูดภาษาอังกฤษคงหนีไม่พ้นเรื่องเกี่ยวกับสำเนียงและการออกเสียงว่าจะถูกต้องหรือไม่ ซึ่งปัญหานี้สามารถแก้ไขได้จากการฝึกฟังภาษาให้มากๆ ไม่ว่าจะเป็น การฟังเพลงภาษาอังกฤษ ดูภาพยนต์ซาวน์แทรคโดยไม่ต้องมีบรรยายภาษาไทย ดูข่าว เช่นCNN, BBC News ซึ่งในตอนแรกๆ นั้น เราอาจจะฟังไม่ออก แปลไม่ได้ แต่ถ้าเราฟังอย่างนี้ทุกๆ วัน จะทำให้หูของเราเริ่มชินกับภาษาอังกฤษมากขึ้น และที่สำคัญจะทำให้เราได้รับฟังสำเนียงการออกเสียงที่ถูกต้องอีกด้วย ทำให้แล้วที่เราจะนำไปใช้ในการพูดก็จะเป็นการออกเสียงในแบบที่ถูกต้อง
การฟังเป็นสิ่งที่สำคัญให้เกิดการเรียนรู้ทักษะการใช้ภาษาอังกฤษในหลายๆ ด้าน เช่น ทักษะการออกเสียง การเน้นคำ การพูด รูปแบบประโยค แต่ถ้าเราเรียนรู้จากตำราหรือหนังสือ เราก็จะเรียนรู้แต่ในเรื่องของ การใช้ไวยากรณ์ เพราะตำราไม่สามารถสอนให้เราออกเสียงที่ถูกต้องได้ จึงมีคำพูดเกี่ยวกับหลักการเรียนภาษาที่ว่า “ต้องเรียนด้วยหู อย่าเรียนด้วยตา” คือ เราฟังมาแบบไหน ต้องพูดแบบนั้น
ทักษะการเรียนภาษาอังกฤษที่ถูกต้องตามธรรมชาติของภาษา คือ ฟัง พูด อ่าน เขียน ตามลำดับ แต่เชื่อไหมว่า ทำไมคนไทยจึงเรียนภาษาอังกฤษนานมากๆ แต่ไม่สามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ เรียนจากการอ่าน เขียน พูด และฟัง ซึ่งเป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่เน้นในเรื่องของรูปแบบไวยากรณ์ เพียงเพื่อใช้ในการสอบเท่านั้น เราให้ความสำคัญกับเรื่องของ การพูดและการฟัง เป็นอันดับสุดท้าย จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำไมคนไทยเก่งเรื่องไวยากรณ์ แต่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้
Post by Gickzii Pilaiwan Pimsuwan